CMS(Content Management System)
CMS คืออะไร
CMS
ย่อมาจาก Content Management System เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป
โดยในการใช้งาน CMS นั้นผู้ใช้งานแทบไม่ต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม
ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ ตัวของ CMS เองจะมีโปรแกรมแถมมาและสามารถแทรกเองได้มากมายเช่น
webboard , ระบบจัดการป้ายโฆษณา , ระบบนับจำนวนผู้ชม
แม้แต่กระทั่งตระกร้าสินค้า และอื่นๆอีกมากมาย
CMS เป็นเหมือนโปรแกรม โปรแกรมหนึ่ง ที่มีผู้พัฒนามาจากภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในเว็บไซต์เช่น PHP , Python , ASP , JSP ซึ่งในปัจจุบันมีคนใจดีพัฒนา CMS ฟรีขึ้นมามากมายอย่างเช่น Mambo , Joomla , Wordpress
CMS เป็นเหมือนโปรแกรม โปรแกรมหนึ่ง ที่มีผู้พัฒนามาจากภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในเว็บไซต์เช่น PHP , Python , ASP , JSP ซึ่งในปัจจุบันมีคนใจดีพัฒนา CMS ฟรีขึ้นมามากมายอย่างเช่น Mambo , Joomla , Wordpress
ลักษณะเด่นของ
CMS
ลักษณะเด่นของ
CMS ก็คือ มีส่วนของ Administration
panel (เมนูผู้ควบคุมระบบ)
ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่วนการทำงานต่างๆในเว็บไซต์ ทำให้สามารถบริหารจัดการเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว
และเน้นที่การ จัดการระบบผ่านเว็บ(Web interface) ในลักษณะรูปแบบของ
ระบบเว็บท่า (Portal Systems) โดยตัวอย่างของฟังก์ชันการทำงาน
ได้แก่
- การนำเสนอบทความ (Articles)
- เว็บไดเรคทอรี (Web directory)
- หัวข้อข่าว (Headline)
- รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather)
- เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ (News)
- ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ (Informations)
- ถาม/ตอบปัญหา (FAQs)
- ห้องสนทนา (Chat)
- กระดานข่าว (Forums)
- การจัดการไฟล์ในส่วนดาวน์โหลด (Downloads)
- แบบสอบถาม (Polls)
- ข้อมูลสถิติต่างๆ (Statistics)
และส่วนอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเพิ่มเติม ดัดแปลง แก้ไขแล้วประยุกต์นำมาใช้งานให้เหมาะสมตามแต่รูปแบบและประเภทของเว็บไซต์นั้นๆ
ในปัจจุบันมี CMS หลากหลายเช่น
- Shashdotพัฒนาด้วย Perl
- Zopeพัฒนาด้วย Python
- PHP-Nuke พัฒนาด้วย PHP
- การนำเสนอบทความ (Articles)
- เว็บไดเรคทอรี (Web directory)
- หัวข้อข่าว (Headline)
- รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather)
- เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ (News)
- ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ (Informations)
- ถาม/ตอบปัญหา (FAQs)
- ห้องสนทนา (Chat)
- กระดานข่าว (Forums)
- การจัดการไฟล์ในส่วนดาวน์โหลด (Downloads)
- แบบสอบถาม (Polls)
- ข้อมูลสถิติต่างๆ (Statistics)
และส่วนอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเพิ่มเติม ดัดแปลง แก้ไขแล้วประยุกต์นำมาใช้งานให้เหมาะสมตามแต่รูปแบบและประเภทของเว็บไซต์นั้นๆ
ในปัจจุบันมี CMS หลากหลายเช่น
- Shashdotพัฒนาด้วย Perl
- Zopeพัฒนาด้วย Python
- PHP-Nuke พัฒนาด้วย PHP
องค์ประกอบของ CMS
ระบบจัดการเนื้อหา CMS
ระบบจัดการเนื้อหาหรือ CMS มีองค์ประกอบอย่างน้อยอยู่
3 ส่วนด้วยกันจึงจะทำหน้าที่เป็น CMS ได้อย่างสมบูรณ์
1.
เครื่องมือจัดการเนื้อหา( Content Management Appication
) CMA มีหน้าที่จัดการ สร้าง จัดเก็บ และทำลาย
เนื้อหาทุกชนิดในหน้าเว็บเพจ สำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ได้ให้ความหมายของ
LMS ว่าเป็นคำที่ย่อมาจากLearning Management Systemหรือระบบการจัดการเรียนรู้
เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการเรียนการสอนผ่านเว็บ
จะประกอบด้วยเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สอน ผู้เรียน ผู้ดูแลระบบ
โดยที่ผู้สอนนำเนื้อหาและสื่อการสอนขึ้นเว็บไซต์รายวิชาตามที่ได้ขอให้ระบบ
จัดไว้ให้ได้โดยสะดวก ผู้เรียนเข้าถึงเนื้อหา กิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยผ่านเว็บ
ผู้สอนและผู้เรียนติดต่อ สื่อสารได้ผ่านทางเครื่องมือการสื่อสารที่ระบบจัดไว้ให้
เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ห้องสนทนา กระดานถาม - ตอบ เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วยังมีองค์ประกอบที่สำคัญคือ การเก็บบันทึกข้อมูลกิจกรรมการเรียนของผู้เรียนไว้บนระบบเพื่อผู้สอนสามารถนำไปวิเคราะห์
ติดตามและประเมินผลการเรียนการสอนในรายวิชานั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
2.
เครื่องมือจัดการข้อมูลของเนื้อหา ( Metacontent Management
Appication ) MMA มีหน้าทีจัดการข้อมูลที่ใช้อธิบายข้อมูลอีกทีหนึ่ง
3.
เครื่องมือนำเสนอเนื้อหา ( Content Delivery Appication )
CDA มีหน้าที่แสดงผลชิ้นส่วนของเนื้อหาต่างๆ ขึ้นหน้าเว็บเพจ
ประโยชน์ของ CMS
1. ผู้ใช้ไม่ต้องจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการสร้างเว็บไซต์ เพียงแค่พิมพ์ข้อมูลได้ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้
2. สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของเว็บไซต์ได้ง่ายรวดเร็วด้วย templates ต่าง ๆ
3. มีโปรแกรมเสริมให้เลือกนำมาประยุกต์ใช้งานกับเว็บไซต์นั้นๆ
4. ระบบ CMS เหมาะสำหรับการทำ SEO และตอบสนองต่อรูปแบบ Web 2.0
5. ไม่เสียเวลาในการสร้างเว็บไซต์มาก
ช่วยลดกำลังคนและค่าใช้จ่ายในการสร้างและดูแลเว็บไซต์
6. การจัดการเว็บไซต์เป็นไปอย่างมีระบบ ง่ายต่อการดูแล
ข้อดีของ CMS
1.ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์
เพียงแค่เคยพิมพ์ หรือเคยโพสข้อความในอินเทอร์เน็ต
ก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้
2.ไม่เสียเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่เสียเงินจำนวนมาก
3.ง่ายต่อการดูแล เพราะมีระบบจัดการทุกอย่างให้เราหมด
4.มีระบบจัดการที่เราสามารถหามาใส่เพิ่มได้มากมาย อย่างเช่น ระบบแกลลอรี่
5.สามารถเปลี่ยนหน้าตาเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เพียงแค่โหลดทีม (Theme) ของ CMS นั้นๆ
2.ไม่เสียเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่เสียเงินจำนวนมาก
3.ง่ายต่อการดูแล เพราะมีระบบจัดการทุกอย่างให้เราหมด
4.มีระบบจัดการที่เราสามารถหามาใส่เพิ่มได้มากมาย อย่างเช่น ระบบแกลลอรี่
5.สามารถเปลี่ยนหน้าตาเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เพียงแค่โหลดทีม (Theme) ของ CMS นั้นๆ
ข้อเสียของ CMS
1.ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการออกแบบทีม (หน้าตาของเว็บ) เอง จะต้องใช้ความรู้มากกว่าปรกติ เนื่องจาก CMS มีหลายๆระบบมารวมกันทำให้เกิดความยุ่งยาก สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้
2.ผู้ใช้จะต้องศึกษาระบบ CMS ที่ผู้พัฒนาสร้างขึ้นมา เช่นจะต้องใส่ข้อความลงตรงไหน จะต้องแทรกภาพอย่างไร ซึ่งจะลำบากเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น
3.ในการใช้งานจริงนั้นจะมีความยุ่งยากในการ set up ครั้งแรกกับ web server แต่ปัจจุบันก็มีผู้บริการ web server มากมายที่เสนอลงและ set up ระบบ CMS ให้ฟรีๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
1.ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการออกแบบทีม (หน้าตาของเว็บ) เอง จะต้องใช้ความรู้มากกว่าปรกติ เนื่องจาก CMS มีหลายๆระบบมารวมกันทำให้เกิดความยุ่งยาก สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้
2.ผู้ใช้จะต้องศึกษาระบบ CMS ที่ผู้พัฒนาสร้างขึ้นมา เช่นจะต้องใส่ข้อความลงตรงไหน จะต้องแทรกภาพอย่างไร ซึ่งจะลำบากเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น
3.ในการใช้งานจริงนั้นจะมีความยุ่งยากในการ set up ครั้งแรกกับ web server แต่ปัจจุบันก็มีผู้บริการ web server มากมายที่เสนอลงและ set up ระบบ CMS ให้ฟรีๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
อ้างอิง
ออนไลน์เข้าถึงได้จาก http://www.hellomyweb.com/index.php/main/content/121